การจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินของไทย มีวิวัฒนาการสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา
ธนบุรี รัตนโกสินทร์ ได้มีการปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินครั้งสำคัญในสมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแบ่งออกเป็นระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง (เดิมมีเพียง 6 กรม
เป็น 12 กรม ต่อมาเปลี่ยนเป็นเรียกว่า กระทรวง) ส่วนภูมิภาค (เรียกว่าระบบเทศาภิบาลประกอบด้วย
หน่วยการปกครองหลักคือมณฑลหรือมณฑลเทศาภิบาล หน่วยการปกครองระดับรองลงมาคือ เมือง
อำเภอ ตำบลและหมู่บ้าน) และส่วนท้องถิ่น(โดยริเริ่มจัดตั้งสุขาภิบาลขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ
หลังจากนั้นก็ได้มีการจัดตั้งสุขาภิบาลท่าฉลอม เมืองสมุทรสาคร และต่อมาได้มีการตรา
พระราชบัญญัติสุขาภิบาลตามหัวเมืองขึ้น ใช้หลักในการจัดการสุขาภิบาลเป็นการทั่วไป) ได้มีการ
ปฏิรูปเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จัดระเบียบกลไกการใช้อำนาจรัฐ
ระเบียบราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2476 จัดระเบียบบริหารราชการ
เป็น 3 ส่วนได้แก่ ราชการบริหารส่วนกลาง ราชการบริหารส่วนภูมิภาค และราชการบริหารส่วน
ท้องถิ่น และได้มีการพัฒนาเรื่อยมาถึงปัจจุบันนี้
2. หลักการรวมอำนาจ เป็นหลักการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินที่รวมอำนาจทั้งหมดไว้ที่ศูนย์กลาง
การรวมอำนาจมีลักษณะอย่างน้อย 3 ประการ คือ 1.มีการรวมกำลังตำรวจและทหารอยู่ในบังคับบัญชา
ของส่วนกลาง 2.มีการสงวนอำนาจการตัดสินใจขั้นสุดท้ายไว้ที่ส่วนกลาง และ 3. มีการกำหนดลำดับ
ขั้นการบังคับบัญชาที่ลดหลั่นกันลงไป
3. หลักแบ่งอำนาจ เป็นการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินที่ส่วนกลางได้มอบหมายอำนาจหน้าที่
บางส่วนไปให้หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของส่วนกลางที่ประจำอยู่ในภูมิภาคต่างๆ การแบ่งอำนาจมี
- อาจารย์: ดร.ธนกฤต โพธิ์เงิน